วันจันทร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560

จิตรกรรมฝาผนังวัดบุ่งขี้เหล็ก อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี

















ประวัติวัดบุ่งขี้เหล็กที่มีการบันทึกไว้ เป็นสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 7 ไร่ หนังสือสําคัญสําหรับที่ดิน คือ น.ส.3 อาคารเสนาสนะประกอบด้วยมหาวิหารและอุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2546 สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 หอเจ้าแม่กวนอิม สร้างปี 2548 เจดีย์ศรีอริยะเมตตรัย ปูชนียวัตถุมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย จำนวน 56 องค์ เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเรียงกันอย่างสวยงาม อาศัยการร่วมแรงร่วมใจช่วยกันคนละไม้ละมือจากชาวบ้านบุ่งขี้เหล็กและผู้เลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร
วัดบุ่งขี้เหล็ก ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของหมู่บ้านบุ่งขี้เหล็ก ประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2543 เดิม ชื่อวันสังวรวนาราม อยู่ห่างจากอําเภอเขมราฐไปทางอําเภอโขงเจียมประมาณ 13 กิโลเมตร ภายหลังหลวงปู่จันทร์หอมได้มาสร้างและบูรณะใหม่ และให้ชื่อว่า วัดบุ่งขี้เหล็ก ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2550 การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนาม คือรูปที่ 1 พระครูสุนทรพัฒโนดม (จันทร์หอม สุภาทโร) ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2543 วัดนี้เคยได้รับเกียรติบัตรรางวัลเป็นวัดที่มีความสะอาดดีมากตามโครงการ "อุบลเมืองสะอาด ราชธานีอีสาน" ประจำปี 2553 
พระครูสุนทรพัฒโนดม หรือ หลวงปู่จันทร์หอม สุภาทโร พระคณาจารย์ผู้สืบสานวิทยาคมจากพระเถราจารย์แห่งราชอาณาจักรลาว ศิษย์ยุคสุดท้าย สมเด็จลุน แห่งประเทศลาว
หลวงปู่จันทร์หอม เกิดเมื่อเดือน 5 ปีมะโรง พ.ศ. 2459 ที่บ้านนาเอือด อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี เนื่องจากสมัยนั้นไม่มีการจดบันทึกวันเดือนเกิด ทางคณะศิษย์จึงขอให้วันที่ 1 มีนาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันเกิด เพื่อร่วมแสดงมุทิตาจิตต่อท่าน ท่านเป็นคนไทยแท้ เกิดที่เมืองไทย แต่ไปโตที่ประเทศลาว เพราะครอบครัวย้ายถิ่นฐานไปทำมาหากินที่นั่น จนได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชากับปรมาจารย์ใหญ่ อย่าง "สำเร็จลุน" ผ่านทาง "สำเร็จตัน" พระสังฆราชแห่งราชอาณาจักรลาวองค์ต่อจากสมเด็จลุน 
หลวงปู่จันทร์หอม ดำริสร้างมหาเจดีย์ขึ้นเพื่อสืบพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่บ้านคู่เมือง ให้ชื่อว่า "เจดีย์ศรีอริยะเมตตรัยมีรูปทรงที่แปลกตาไม่เหมือนกับเจดีย์ที่พบเห็นทั่วไป  มีความสูงจากพื้น 97 เมตร ทาผนังด้ายนอกด้วยสีทอง ตั้งโดดเด่นอยู่กลางวัด มหาเจดีย์นี้สร้างสำเร็จภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี 4 เดือน
มหาเจดีย์จะแบ่งเป็น 6 ชั้น เปรียบดั่งสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น ทุกชั้นจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ดังนี้
1.ชั้นจาตุมหาราชิกา (สวรรค์ชั้นที่ 1) เป็นที่อยู่ของท้าวมหาราช 4 พระองค์ปกครอง มีอายุ 500 ปีทิพย์ หรือ 9 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์ทำแต่ความดี ชักชวนคนอื่นทำบุญทำทาน
2.ชั้นดาวดึง (สวรรค์ชั้นที่ 2) เป็นเมืองใหญ่ มีพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี พระอินทร์ปกครอง มีอายุ 1,000 ปีทิพย์ หรือ 36 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์มีจิตใจดี ให้ทาน รักษาศีล ไม่ดูหมิ่นชาติตระกูล
3.ชั้นยามา (สวรรค์ชั้นที่ 3) มีท้าวสยามเทวาธิราชเป็นผู้ปกครอง มีอายุ 2,000 ปีทิพย์ หรือ 144 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์เป็นผู้นำพาคนอื่นบำเพ็ญกุศล รักษาศีล ภาวนาไม่เคยขาด
4.ชั้นดุสิต (สวรรค์ชั้น 4) มีท้าวสันดุสิตเทวราชปกครอง มีอายุ 4,000 ปีทิพย์ หรือ 576 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์ เป็นผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ทรงศีล ทรงธรรม ชอบฟังพระธรรมเทศนา
5.ชั้นนิมมานรตีภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 5) มีท้าวสุนิมมิตเทวราชปกครอง มีอายุ 8,000 ปีทิพย์ หรือ 2,304 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์ประพฤติปฏิบัติธรรมสม่ำเสมอ มีใจสมบูรณ์ด้วยศีล
6.ชั้นปรนิมมิตสวัสดี (สรรค์ชั้นที่ 6) มีท้าวปรนิมมิตสวัสดีและท้าวปรมินมิตสวัสดีมาราธิราชเป็นผู้ปกครอง มีอายุ 16,000 ปีทิพย์ หรือ 9,216 ล้านปีมนุษย์ อยู่เมืองมนุษย์ก่อสร้างกองการกุศลให้ยิ่งใหญ่ อบรมจิตใจให้สูงขึ้น มีคุณธรรม จิตเลื่อมใสในการให้ทานรักษาศีล
และชั้นบนยอดมหาเจดีย์ก็จะเป็นที่ประดิษฐานมณฑปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ญาติโยมพุทธศาสนิกชนเข้าไปนมัสการกราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมงคลชีวิตแก่ตนเองและครอบครัว